ยามาฮ่าฟินน์ทั่วไทย...ใช้น้ำมันถังเดียว@นครพนม

Last updated: 2 ต.ค. 2567  |  54959 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ยามาฮ่าฟินน์ทั่วไทย...ใช้น้ำมันถังเดียว@นครพนม

     นครพนม...จังหวัดเล็กๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในดินแดนที่ราบสูงภาคอีสาน เป็นเมืองที่มีทัศนียภาพสวยงาม บรรยากาศแสนสงบ ผู้คนเป็นมิตร เหมาะสำหรับการเดินทางมาปล่อยกาย ปล่อยใจ ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ เป็นดินแดนแห่งพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ เพราะนอกจากพระธาตุพนมปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองอันมีชื่อเสียงแล้ว  พระธาตุประจำวันเกิดครบทั้ง 7 วัน ให้ได้สักการะ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ และเป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งความสุข” ที่ควรปักหมุดไว้ในแผนที่ เพื่อเดินทางมา “ฟินน์” กันนะ!!!



     สำหรับทริปสุดฟินน์อย่าง “ยามาฮ่าฟินน์ทั่วไทย...ใช้น้ำมันถังเดียว” ก็ไม่พลาดที่จะนำ “ยามาฮ่า ฟินน์” มาขับขี่ท่องเที่ยวเมืองนครพนมเช่นกัน...ขบวนการฟินน์นัดรวมตัวเพื่อเตรียมตัวเดินทางท่องเที่ยวกันที่ ยามาฮ่าสแควร์ พรประเสริฐมอเตอร์ สาขานครพนม ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองจากเจ้าถิ่น โดยครั้งนี้ได้ 2 สาวสวยกับ 1 หนุ่มสวย!!! มาเป็นไกด์นำเที่ยวและสร้างสีสันให้กับทีมผู้ขับขี่ที่เป็นสื่อมวลชนจากกรุงเทพฯ ที่เดินทางมาในทริปนี้ 5 คน และหลังจากทำการแนะนำตัว ชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ และสถานที่ที่จะไปฟินน์กันตลอดทั้ง 2 วัน ให้กับขบวนการฟินน์ได้รับทราบกันอย่างพร้อมเพรียงแล้ว... “ยามาฮ่า ฟินน์” ทั้ง 8 คัน ก็พร้อมเคลื่อนขบวนทันที!!!



     ขบวนยามาฮ่า ฟินน์ เคลื่อนตัวจากยามาฮ่าสแควร์ไปเพียงประมาณ 1 กม. ก็แวะเข้าปั๊มเพื่อเติมน้ำมัน “เต็มถัง” ทุกคัน เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเมืองนครพนมด้วย “น้ำมันเพียงถังเดียว” โดยสถานที่แห่งแรกที่จะไปหลังจากเติมน้ำมันก็คือ “พญาศรีสัตตนาคราช” แลนด์มาร์กที่สง่างามแห่งลุ่มแม่น้ำโขงของเมืองนครพนม ไกด์เจ้าถิ่นที่ร่วมขบวนการฟินน์เล่าให้ฟังว่า องค์พญานาคนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคอีสานที่สร้างจากทองเหลืองแท้หนัก 9 ตัน ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงในตำแหน่งที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นเสมือนจุดศูนย์กลางของเมืองนครพนมเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากจะได้สักการะองค์พญานาค “พญาศรีสัตตนาคราช” แล้ว ขบวนการฟินน์ยังโชคดีที่ได้ชมการแสดงรําบวงสรวงพญานาคอีกด้วย...



     จากนั้นขบวนการฟินน์ได้เคลื่อนขบวนออกจากตัวเมืองมุ่งหน้าสู่ อ.พระธาตุพนม ซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ 55 กม. โดยเป็นเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามแม่น้ำโขงที่บางช่วงก็สามารถมองเห็นริมตลิ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตรกันเลยทีเดียว อีกทั้งด้วยท่านั่งขับขี่ที่ ยามาฮ่า ฟินน์ ออกแบบมาได้อย่างลงตัวบวกกับการทำงานของระบบกันสะเทือนที่นุ่มสบาย ไม่กระด้าง ทำให้ผู้ขับขี่ได้เพลิดเพลินแบบ ฟินน์...ฟินน์ กันไปตลอดเส้นทางกันเลยทีเดียว ด้วยเวลาไม่นานนักก็พวกเราก็เดินทางมาถึง “พระธาตุพนม” หนึ่งในที่สุดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำภาคอีสานที่เชื่อกันว่ามีอายุกว่า 2 พันปี ภายในบรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนอกขององค์พระพุทธเจ้าเอาไว้ และได้ชื่อว่าเป็นพระธาตุประจำปีของคนที่เกิดปีวอก รวมถึงเป็นพระธาตุประจำวันของคนเกิดวันอาทิตย์อีกด้วย ซึ่งขบวนการฟินน์ทำการสักการะและเดินชมความงดงามองค์พระธาตุพนมกันอยู่นานทีเดียว ให้สมกับความตั้งใจที่จะมากราบสักการะพระธาตุแห่งนี้



     เมื่ออิ่มบุญกันแล้วก็ได้เวลาอิ่มท้องกันบ้าง โดยวันนี้ขบวนการฟินน์รับประทานมื้อเที่ยงที่ ร้านดาวทอง ร้านชื่อดังที่ได้รับความนิยมใน อ.พระธาตุพนม เพื่อลิ้มรสกับแหนมเนืองและอาหารเวียดนาม ซึ่งก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวังแม้แต่น้อย เพราะสมาชิกที่ร่วมเดินทางในทริปนี้ทุกคนต่างอิ่มจนฟินน์สุดๆ เลยทีเดียว ทำให้ต้องนั่งพักพูดคุยกันภายในร้านอีกสักพัก ก่อนที่จะเดินทางสู่จุดหมายต่อไป...



     จากตัว อ.พระธาตุพนม ขบวนการฟินน์เดินทางออกไปประมาณ 27 กม. เพื่อไปกราบสักการะ “พระธาตุศรีคุณ” พระธาตุเก่าแก่ที่ค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2340 ถือเป็นพระธาตุประจำวันของคนวันอังคาร โดยช่วงแรกของการเดินทางมีฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้เราหยุดขบวนเพื่อหลบฝน ก่อนเดินทางต่อในสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นหลังฝนตก แต่เครื่องยนต์หัวฉีดของ ยามาฮ่า ฟินน์ ก็ยังคงทำงานได้อย่างราบลื่นไม่สะดุด แม้ต้องเจอกลับสภาพอากาศที่แตกต่างกันอย่างกะทันหันแบบนี้



     หลังจากนั้น ยามาฮ่า ฟินน์ ยังต้องเจอกับบททดสอบในการขับขี่ขึ้นเขาที่มีโค้งแคบและทางค่อนข้างชัน เพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวของ อ.นาแก ที่ “ดานสาวคอย” วัดภูพานอุดมธรรม ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้แบบสุดตา ซึ่งเป็นสถานที่ที่น้องเจ้าถิ่นที่ร่วมขบวนการฟินน์แนะนำให้เราได้แวะมา พร้อมการันตีว่า “ถ้าพี่ได้เห็น...พี่จะฟินน์อย่างแน่นอน” และพวกเราก็ฟินน์กันจริงๆ ด้วย เพราะนอกจากจะได้ชื่นชมทัศนียภาพบนยอดเขาแบบตื่นตาตื่นใจแล้ว ยังสนุกกับการขับขี่ ยามาฮ่า ฟินน์ บนเส้นทางช่วงนี้อย่างมาก ด้วยช่วงล่างที่หนึบทำให้เราสามารถที่จะขับขี่เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ และกำลังเครื่องยนต์ก็สามารถตอบสนองได้ดี เพียงแค่เกียร์ 2 เราก็สามารถไต่ระดับความสูงชันขึ้นไปได้แบบฟินน์ๆ กันเลย



     เมื่อตื่นตาตื่นใจและฟินน์กันเต็มที่กับทิวทัศน์อันแสนกว้างไกลแล้ว ขบวนการฟินน์ก็ออกเดินทางกันต่อโดยจุดหมายต่อไปอยู่ห่างออกไปกว่า 80 กม. ทำให้ ยามาฮ่า ฟินน์ ต้องเจอศึกหนักอีกรอบ โดยความเร็วที่ใช้ในช่วงนี้เรายืนพื้นอยู่ที่ 80 กม./ชม. แต่เครื่องยนต์ 115 ซีซี. ก็สามารถตอบสนองการทำงานได้อย่างราบลื่น ต่อเนื่อง รอบไม่ตกแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเดินทางต่อเนื่องในช่วงนี้ ทำให้เรามาถึง “จุดชมวิว” สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 3 กันได้ทันเวลาก่อนที่ฟ้าจะมืด โดยจุดชมวิวตรงนี้ถือเป็นจุด Unseen ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ และก็เป็นน้องสมาชิกขบวนการฟินน์อีกแล้วที่เป็นผู้แนะนำมา ทำให้เราได้ฟินน์ไปกับ สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว ในมุมมองที่แตกต่างจากที่เคยเห็นเป็นอย่างมาก



     ก่อนที่จะปิดท้ายวันด้วยบรรยากาศที่แสนจะสุดฟินน์ที่ร้านอาหาร เรือนริมน้ำ สาขา 2 ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำโขง เพราะนอกจากอาหารรสชาติจะแสนอร่อยแล้ว น้องมอส – น้องเปรี้ยว – น้องหวาน 3 สมาชิกเจ้าถิ่นที่ร่วมขบวนการฟินน์ก็ได้ขึ้นเวทีมาร้องเพลงสร้างสุขให้กับทั้งลูกค้าในร้านและสมาชิกขบวนการฟินน์ได้ฟินน์กันแบบสุดๆ ก่อนนอนอีกด้วย...



     สำหรับวันที่สองของ “ยามาฮ่าฟินน์ทั่วไทย...ใช้น้ำมันถังเดียว@นครพนม” ขบวนการฟินน์ได้ขับขี่ ยามาฮ่า ฟินน์ กันแบบชิลล์ๆ สบายๆ ท่ามกลางสภาพอากาศที่แจ่มใสหลังฝนตก โดยโปรแกรมท่องเที่ยวทั้งหมดอยู่ในเขตตัวเมืองนครพนมที่อยู่ไม่ใกล้กันนัก เริ่มต้นด้วยการไปถ่ายภาพคู่กับโบสถ์คริสต์ที่สร้างตั้งแต่ พ.ศ.2469 ถือว่าเป็นโบสถ์คริสต์ที่เก่าแก่สวยงามมากแห่งหนึ่งของเมืองไทยที่ “วัดนักบุญอันนา” ซึ่งมีจุดโดดเด่นที่มองเห็นและสะดุดตาแต่ไกลอยู่ที่หอคอยคู่สูงสง่าด้านบนของโบสถ์ จากนั้นก็ไปต่อกันที่ “พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่า” อาคารสไตล์โคโลเนียล ซึ่งเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เพราะเคยถูกใช้เป็นสถานที่ประทับเมื่อในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จมาทรงงานและทอดพระเนตรประเพณีไหลเรือไฟในเมืองนครพนมแห่งนี้ โดยปัจจุบันกรมศิลปากรทำการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและพิพิธภัณฑ์แล้ว



     จากนั้นขบวน “ยามาฮ่า ฟินน์” ก็ขับขี่ลัดเลาะไปตามเส้นทางเลียบแม่น้ำโขงไปยังบริเวณลานถนนคนเดิน ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปเก๋ๆ และเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาถึงเมืองนครพนม ก่อนที่จะไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารอีสานชื่อดังอย่าง ร้านส้มตำปองเต ที่มีรสชาติอาหารที่จัดจ้านและอร่อยสุดฟินน์ หลังจากนั้นจึงเดินทางต่อไปยัง “บ้านลุงโฮ” หรือ บ้านท่านโฮจิมินห์ สถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ที่ได้มีการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ซึ่งสถานที่แห่งนี้นั้นเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ครั้งหนึ่งอดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเคยพักอาศัยอยู่ในเมืองไทย เพื่อกอบกู้เอกราชของเวียดนามในช่วงระหว่างการทำสงคราม เพื่อเตรียมการปฏิวัติสู้กับประเทศฝรั่งเศษ ก่อนจะปิดทริปครั้งนี้ด้วยการนำ “ยามาฮ่า ฟินน์” ไปส่งคืนที่ ยามาฮ่าสแควร์ พรประเสริฐมอเตอร์ สาขานครพนม เป็นจุดสุดท้าย



     หลังจากที่เที่ยวแบบ ฟินน์...ฟินน์ กับทริป “ยามาฮ่าฟินน์ทั่วไทย...ใช้น้ำมันถังเดียว@นครพนม” กันที่เมืองชายแดน เลาะริมโขงชื่นชมทิวทัศน์ สัมผัสความหลากหลายทางวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ กันมาอย่างเต็มที่แล้ว ขบวนการฟินน์ได้ขับขี่ “ยามาฮ่า ฟินน์” รวมระยะทางทั้งสิ้น 219.4 กม. แต่เติมน้ำมันไป 3.62 ลิตร ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินเพียง 99.70 บาท เท่านั้น!!!...สำหรับทริปนี้มีค่าอัตราการประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 60.60 กม./ลิตร...และด้วยเงินเติมน้ำมัน “ไม่ถึงร้อยบาท”...กับการขี่ “ยามาฮ่า ฟินน์” สัมผัสกับวัฒนธรรมที่หลากหลายไปบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยความสวยงามทางธรรมชาติ และได้รับมิตรภาพที่แสนจะดีงามจากเจ้าถิ่น...จะมีอะไรที่ “ฟินน์” ไปกว่านี้อีกนะ!!!

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้