Last updated: 2 ต.ค. 2567 | 55873 จำนวนผู้เข้าชม |
“ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” คือ รถจักรยานยนต์ไฮบริดรุ่นแรกที่เปิดขายอย่างเป็นทางการในเมืองไทย ซึ่งตอนนี้ก็ครบรอบ 1 ปีหลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่แล้ว และเพี่อเป็นการตอกย้ำความเป็น”ผู้นำออโตเมติก” ตัวจริงของเมืองไทย และฉลองครบรอบ 1 ปี ยามาฮ่าจึงได้เผยโฉมสีสันใหม่ของ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด ที่มาพร้อมสโลแกน “ชีวิตมีคลาส สมาร์ทแบบไฮบริด” ที่มีให้เลือกถึง 6 สี 6 สไตล์ คือ สีแดง สีเขียว สีดำ และสีฟ้า ในรุ่น Standard และกับอีก 2 สีสุดหรูในรุ่น ABS คือ สีดำ และสีขาว
สำหรับการรีวิว “ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” ในครั้งนี้ เราได้นำรุ่น ABS สีดำ มาลองขับขี่กัน ซึ่งบอกเลยว่า “โดนใจมาก!!!” เพราะสีดำของตัวรถตัดกับเบาะสีแดงแบบนี้มันช่างเหมาะกับขาร็อคอย่างเราจริงๆ!!! ซึ่งหลังจากที่ลองขับขี่และอยู่กับ แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด กันแบบเต็มๆ วัน เราขอนำข้อมูลที่ที่โดดเด่นและสามารถสัมผัสได้จากออโตเมติกสุดไฮรุ่นนี้มาบอกเล่ากันเป็นข้อๆ นะครับ ซึ่งก็มีด้วยกันดังต่อไปนี้...
#ระบบสตาร์ทแบบ One Push Start ช่วยให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ทำได้ง่ายขึ้น แค่กดสวิตช์ค้างไว้เพียงแค่เสี้ยววินาทีแล้วปล่อยมือ เครื่องยนต์จะถูกสตาร์ทติดอย่างง่ายดาย
#ระบบไฮบริด ช่วยส่งกำลังในจังหวะออกตัวได้ดีขึ้น ด้วยการทำงานของมอเตอร์ Smart Motor Generator (SMG) ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ไขจุดอ่อนของรถจักรยานยนต์ออโตเมติกได้แบบตรงจุด ทำให้เมื่อผู้ขับขี่กระแทกคันเร่ง “แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” จะสามารถทะยานออกตัวอย่างรวดเร็วเหมือนมีแรงผลักส่งท้าย
#เครื่องยนต์ Blue Core ขนาด 125 ซีซี. สามารถตอบสนองต่อการบิดคันเร่งได้ทันใจในทุกจังหวะการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการออกตัวหรือว่าการกดคันเร่งเพื่อเร่งแซง ซึ่งสามารถรู้สึกได้รถออโตเมติกรุ่นนี้มีพละกำลังที่จัดจ้าน และแม้ว่าจะมีคนซ้อนท้ายเครื่องยนต์ก็ยังคงส่งกำลังตอบสนองได้เป็นอย่างดี
#ระบบ STOP & START SYSTEM ที่เป็นระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ ก็สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำในทุกรูปแบบการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่มีสภาพการจราจรแออัดหรือการขับขี่แบบต่อเนื่อง เครื่องยนต์จะหยุดทำงานในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่ในขณะนั้น และเมื่อระบบ SSS ทำงาน เครื่องยนต์หยุดการทำงาน เพียงแค่บิดคันเร่งเล็กน้อยเครื่องยนต์ก็จะกลับมาทำงานได้อย่างรวดเร็วทำให้สามารถออกตัวได้อย่างทันท่วงทีทีเดียว
#หน้าปัดเรือนไมล์ดิจิทัล จอสี TFT ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้ในเวลาขับขี่กลางแดดจ้า พร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลครบทุกฟังก์ชั่นพร้อมแสดงผลการทำงานของระบบไฮบริดเป็นรูปสายไฟและไฟฟ้าล้อมรอบรูปสัญลักษณ์ตัวรถ
#ระบบดิสก์เบรกหน้าที่มาพร้อมระบเบรก ABS สามารถทำงานได้อย่างนุ่มนวล และช่วยให้การหยุดรถแบบกะทันหันหรือบนพื้นถนนที่ลื่นมีความปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้น เพราะล้อไม่ล็อค ไม่ทำให้เกิดการลื่นไถลเมื่อต้องใช้เบรกแบบรุนแรงในกรณีเบรกแบบฉุกเฉิน
#ช่องต่อไฟสำรอง ช่วยให้สามารถชาร์จแบตมือถือได้ในขณะขับขี่ได้อย่างสะดวก เพราะอยู่ใกล้กับช่องเก็บของด้านหน้า ทำให้ชีวิตไม่พลาดการติดต่อสื่อสารเนื่องจากแบตมือถือหมดนั่นเอง
#ที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่มาก สามารถเก็บสัมภาระต่างๆ ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างครบครัน อาทิ Notebook, แว่นตา, หูฟัง ถุงมือ เป็นต้น พร้อมไฟ LED ส่องสว่างอัตโนมัติเมื่อเปิดเบาะ
#ช่องเติมน้ำมันด้านหน้า ทำให้การเติมน้ำมันสะดวกสบายโดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องลงจากรถ
#ระบบกุญแจอัจฉริยะ Multi Functions SMART KEY แบบในรถยนต์
#ระบบกันสะเทือน รู้สึกได้ว่ามีความมั่นคงและเสถียรกว่าเดิม ช่วยให้การขับขี่เข้าโค้งเต็มไปด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้น สามารถพลิกรถซ้ายขวาได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งเมื่อมีคนซ้อนท้ายรถก็ไม่ออกอาการยวบหรือย้วยจนทำให้เสียจังหวะการขับขี่ ทำให้ฟิลลิ่งการขับขี่เต็มไปด้วยความสนุกมากยิ่งขึ้น
#ท่านั่งขับขี่ให้ความรู้สึกใหม่ สัมผัสได้ถึงความเท่ และสามารถควบคุมบังคับรถได้อย่างคล่องตัว ปราดเปรียว ในทุกจังหวะการขับขี่ เบาะนั่งที่แคบลงแต่ยังคงให้ความนุ่มสบายทั้งในส่วนของผู้ขับขี่และคนซ้อนท้าย
#รูปลักษณ์ภายนอกที่ได้รับการดีไซน์แบบสุดไฮคลาส ให้ความรู้สึกที่ทันสมัย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก ด้วยไฟ LED รอบคัน ทั้งไฟหน้า - ไฟท้าย และไฟหรี่ สว่างชัด และปลอดภัยยามขับขี่ ชิ้นงานในส่วนของแฟริ่งรอบคันเนียนไม่เห็นน็อตยึดให้สะดุด
#ป้ายโลโก้ Blue Core Hybrid ให้ความหรูหราและมีระดับไปอีกขั้น
ต้องบอกว่าตลอดระยะเวลาที่ได้ขับขี่ “ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” นั่น เรารู้สึกประทับใจทั้งในเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ตอบสนองการขับขี่ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับรูปลักษณ์การดีไซน์ที่ทันสมัยสุดไฮคลาส รวมถึงฟีเจอร์ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนยุคใหม่ได้อย่างครบครั้น...สมกับสโลแกน “ชีวิตมีคลาส สมาร์ทแบบไฮบริด” อย่างแท้จริง!!!
30 พ.ย. 2566
7 ธ.ค. 2566