YAMAHA M-SLAZ

Last updated: 2 ต.ค. 2567  |  6195 จำนวนผู้เข้าชม  | 

YAMAHA M-SLAZ

     สำหรับ “Yamaha Press Touring Trip by M-SLAZ” คือ กิจกรรมที่ยามาฮ่าเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ร่วมทำการทดสอบขับขี่ “ยามาฮ่า เอ็ม-สแลซ” เพื่อให้ได้สัมผัสกับสมรรถนะและนำข้อมูลมาเผยแพร่ให้กับผู้ที่กำลังสนใจสตรีทไบค์รุ่นนี้ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งในครั้งนี้ได้จัดขึ้นที่ จ.ภูเก็ต โดยยามาฮ่าได้จัดเต็มให้กับสื่อมวลชนด้วยการขับขี่ถึง 2 วันเต็ม เส้นทางที่ใช้ขับขี่ทดสอบก็มีครบรสทั้งในเมืองและนอกเมืองเลาะริมหาดรอบเกาะภูเก็ต รวมระยะทางกว่า 200 กม. เรียกว่าอยู่กับสตรีทไบค์สไตล์ Naked รุ่นนี้กันจนรู้ซึ้งถึงแก่นแท้กันเลยทีเดียว!!!

SLASH YOUR DARKNESS…ลั่น สนั่น เร้าใจ ทุกองศาการขับขี่!!
     สำหรับ “ยามาฮ่า เอ็ม-สแลซ” นี้ ถือได้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์เซ็กเม้นท์ใหม่ที่ผลิตขึ้นในเมืองไทยเป็นครั้งแรก บางคนอาจจะคิดว่ารถรุ่นนี้คือ R15 ที่ถูกถอดแฟริ่งออกแล้วเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ตามแบบฉบับของรถ Naked ทั่วไป หรือเหมือน R3 กับ MT-03 นั่นเอง แต่!!! “เอ็ม-สแลซ” นั่นให้ความรู้สึกที่แตกต่างตั้งแต่สัมผัสแรกในแบบที่ผู้ขับขี่ชาวไทยแทบจะไม่เคยรู้สึกมาก่อน นอกจากใครที่เคยขับขี่พี่ใหญ่ของตระกูล MT ซีรี่ย์ ก็จะรู้ได้ทันทีว่าสตรีทไบค์คันนี้ถูกถอดแบบหรือย่อส่วนลงมาจาก MT-09 นั่นเอง


     เมื่อขึ้นคร่อม “เอ็ม-สแลซ” เราก็รู้สึกได้ว่าท่านั่งขับขี่นี้มันแตกต่างจากรถสปอร์ตเปลือยแฟริ่งทั่วไปอย่างชัดเจน เพราะองศาคอรถตั้งชันกว่า R15 และแม้ว่ายางหน้าจะมีขนาดใหญ่ 110/70 แต่เราก็ยังสามารถที่จะหักเลี้ยวแฮนด์ได้อย่างเบาแรงและคล่องแคล่วเป็นอย่างมาก ตำแหน่งของก้นขยับเข้าใกล้ถังน้ำมันมากเรียกว่าแทบจะขึ้นขย่มถังกันเลยทีเดียว ช่วงมือที่จับอยู่กับแฮนด์ที่เป็นลักษณะแฮนด์บาร์ก็อยู่ใกล้กับลำตัวให้ความรู้สึกเหมือนกับท่าขี่รถสไตล์โมตาร์ดหรือโมโตครอส แขนและข้อศอกกลางออกและงอมากกว่าการขับขี่รถ Naked ทั่วไปมาก พักเท้าเยื้องหลังเล็กน้อยอยู่ในแนวเดียวกับสะโพกทำให้หัวเข่าหนีบเข้ากับส่วนเว้าของถังน้ำมันได้อย่างกระชับ ท่านั่งหลังตั้งตรงส่งผลให้การบังคับแฮนด์และการควบคุมรถมีความคล่องตัวสูง อีกทั้งพื้นที่ช่วงระหว่างถังน้ำมันถึงเบาะคนซ้อนท้ายนั้นมีขนาดที่กว้างพอสมควร ซึ่งผู้ขับขี่ที่ตัวใหญ่ก้นใหญ่สามารถที่จะนั่งขับขี่ได้อย่างสบายโดยที่ไม่รู้สึกอึดอัด และผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ถึงความเท่ สมาร์ท เมื่อขับขี่ Naked คันนี้ได้อย่างชัดเจนสมกับสโลแกน “องศาใหม่ของความเร้าใจ” ได้อย่างแท้จริง

    บางคนอาจจะกังวลเรื่องความสูงของตัวรถว่า จะสามารถวางเท้าลงบนพื้นได้อย่างสะดวกหรือเต็มฝ่าเท้าไม๊??...ต้องบอกว่าด้วยความสูงของผู้ขับขี่ที่ 173 ซม. นั้น เราสามารถนั่งคร่อมบนรถแล้วยังสามารถวางได้เต็มฝ่าเท้า แต่ถ้าใครที่มีความสูงที่น้อยกว่านี้ก็ใช้การขยับเอียงก้นลงไปข้างใดข้างหนึ่งเพียงเล็กน้อยก็สามารถยันพื้นได้อย่างสบายๆ แล้วเช่นกัน เมื่อว่างเท้าลงกับพื้นเราไม่รู้สึกถึงความเกะกะของพักเท้าแม้แต่น้อย เพราะมันเยื้องไปอยู่ด้านหลังของน่องแล้วนั่นเอง นอกจากนี้เราลองโยกซ้ายโยกขวาในขณะนั่งคร่อมเราก็รู้สึกได้ “เอ็ม-สแลซ” มันเบากว่าที่คิดไว้มาก ทำให้เราโยกเล่นได้อย่างสนุกเลยทีเดียว...และเราก็มีทริคสำหรับการเอาขาตั้งขาลงมาบอกกัน เนื่องจากว่าขาตั้งมันอยู่ใต้ช่วงพักเท้ากับคันเกียร์พอดี อาจจะทำให้หลายคนเอาขาตั้งลงลำบากเวลาจอดรถ แต่มันจะสะดวกและคล่องตัวมากถ้าเราใช้เท้าแย่และยันขาตั้งลงไปตรงช่องว่างระหว่างพักเท้ากับคันเกียร์ ซึ่งจะทำให้เราตั้งขาตั้งลงได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายเลยทีเดียว


    ในส่วนของขุมกำลังเครื่องยนต์นั้น “เอ็ม-สแลซ” ใช้เครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบหัวฉีดอัจฉริยะสั่งจ่ายน้ำมันได้อย่างแม่นยำ กระบอกสูบไดอะซิลสุดแกร่ง เกียร์แบบสปอร์ต 6 สปีด ซึ่งจากการที่ลองขับขี่อยู่ 2 วันเต็มๆ เราก็รู้สึกว่าเจ้าสตรีทไบค์คันนี้ถ้าจะขับขี่ให้สนุกและเร้าใจควรจะเลี้ยงรอบให้อยู่ในช่วงประมาณ 5-6 พันรอบต่อนาที เพราะเราสามารถที่จะกดคันเร่งรีดพลังออกมาได้อย่างดุดันทำให้การขับขี่เต็มไปด้วยความมันส์และดิบตามสไตล์ของรถตระกูล MT ซีรี่ย์ ส่วนในรอบต้นนั้นก็ถือว่าจัดจ้านพอตัวตามขุมกำลังขนาด 150 ซีซี. ซึ่งถ้ารีดรอบดีๆ ก็สามารถที่จะทะยานออกตัวหน้าลอยได้เหมือนกัน ส่วนในรอบปลายนั้นต้องบอกว่าอาจจะไม่จัดเหมือนรอบต้นกับกลาง เพราะด้วยสไตล์ของรถที่ออกแบบเพื่อการขับขี่ในเมืองให้สนุกเป็นหลักนั่นเอง แต่ในช่วงจังหวะการขับขี่ขึ้นลงเขาลัดเลาะไปตามชายของรอบเกาะภูเก็ตนั้น เครื่องยนต์ของ “เอ็ม-สแลซ” ก็ให้แรงบิดที่สามารถดันขึ้นเนินหรือขึ้นเขาได้อย่างเหลือเฟือ รวมถึงยังมีเอ็นจิ้นเบรกคอยฉุดในจังหวะลงเขาช่วยให้เรารู้สึกสนุกและปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
    การสตาร์ทเครื่องยนต์ก็ถือว่าถอดแบบความเท่มาจากรุ่นพี่ MT-09 และ MT-07 ด้วยสวิตช์สตาร์ทมือแบบ MT Switch ที่ใช้การเลื่อนสไลด์เพื่อทำการสตาร์ทเครื่องยนต์และตัดการทำงานเครื่องยนต์ในปุ่มเดียวกัน (Start / Off Run) ให้อารมณ์แบบเดียวกับรถซูเปอร์สปอร์ตอย่างแท้จริง การบีบคลัทช์เข้าเกียร์ก็รู้สึกเบาแรงทำให้ไม่รู้สึกปวดข้อมือเวลาที่ต้องใช้งานเพื่อการเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ เมื่อต้องขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรติดขัด การเข้าเกียร์ก็ทำได้อย่างนุ่มนวล แม่นยำ ทำให้จังหวะในการขับขี่ไหลลื่นไม่สะดุดหรือติดขัดแม้แต่น้อย อีกทั้งในช่วงจังหวะการขับขี่ซิกแซกผ่านช่องว่างระหว่างรถที่จอดติดนั้น แม้แฮนด์บาร์จะมีความกว้างและมีความสูงอยู่ในระดับเดียวกับกระจกรถยนต์ แต่ด้วยความเบาและความคล่องตัวของรถบวกกับการคอนโทรลที่สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ทำให้เราสามารถที่จะฝ่าช่วงเวลาวิกฤตทางการจราจรไปได้แบบสบายๆ


     มาถึงไฮไลท์ ที่ทุกคนต่างให้ความสนใจกับ “เอ็ม-สแลซ” เป็นอย่างมาก นั่นคือ ระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับ หรือ Up Side Down มาพร้อมกับแกนโช้คขนาดใหญ่ 37 มม. ที่สำคัญโช้คอัพของน้องเล็กตระกูล MT นี้เป็น “โช้คอัพหัวกลับแท้” ที่โช้คอัพสองข้างจะทำงานต่างหน้าที่กัน นั่นคือ โช้คอัพฝั่งซ้ายทำหน้าที่ซับแรงขณะยุบตัว (Damping) ส่วนโช้คอัพฝั่งขวาทำหน้าที่ซับแรงขณะยืดตัว (Rebound) ซึ่งจะช่วยให้มีสมรรถนะการซับแรงสั่นสะเทือนและมีเสถียรภาพในการบังคับและการควบคุมรถในขณะขับขี่เข้าโค้งและเบรกได้ดีกว่าโช้คอัพแบบเทเลสโคปิคทั่วไป ส่วนด้านหลังเป็นแบบโช้คอัพเดี่ยวทำงานร่วมกับกระเดื่องทดแรงที่ช่วยให้มีสมรรถนะในการขับขี่มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมกับสวิงอาร์มอลูมิเนียมแบบ Die Cast ที่มีน้ำหนักเบาและความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

    และจากการขับขี่ทดสอบเราก็สัมผัสได้ว่า “เอ็ม-สแลซ” ตอบสนองต่อการขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลและมีเสถียรภาพที่ดี ในช่วงจังหวะที่ต้องเจอกับสภาพพื้นผิวถนนที่ขรุขระเราก็สามาราถขับขี่ผ่านไปได้แบบไม่รู้สึกสั่นสะท้านและยังมีการทรงตัวที่นิ่งเหมือนขับขี่บนทางเรียบๆ ยังไงยังงั้น และเมื่อต้องบู๊ไปกับทางโค้งบนเขาที่มีทั้งโค้งกว้าง โค้งแคบ โค้งต่อเนื่อง เราก็สามารถที่จะขับขี่พลิกซ้ายพลิกขวาไปตามจังหวะของการแบนรถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ เพราะระบบกันสะเทือนทั้งด้านหน้าและหลังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งหน้ายางขนาดใหญ่ (หน้า110/70 : หลัง 130/70) ก็ยิ่งช่วยเพิ่มการยึดเกาะให้เราสามารถทะยานผ่านโค้งไปด้วยความสนุกและเร้าใจกับการขับขี่ได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว และระบบเบรกก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ “เอ็ม-สแลซ” ให้ความมั่นใจกับผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างมาก แม้ว่าเราจะออกแรงบีบก้านเบรกด้วยน้ำหนักมือที่มาก แต่เราไม่รู้สึกถึงอาการเบรกจิกหน้าทิ่มเลย เรารู้สึกว่าเบรกทำงานได้อย่างนุ่มนวลและสามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัยเป็นอย่างมาก

    ในช่วงของการขับขี่ Night Ride เพื่อเที่ยวชมตัวเมืองภูเก็ตในช่วงค่ำคืนนั้น ทำให้เราได้สัมผัสกับพลังส่องสว่างของไฟหน้าแบบ LED ที่ทำให้การขับขี่เปี่ยมไปด้วยทัศนวิสัยที่แจ่มชัด ส่วนไฟท้ายแบบ LED ก็ทำให้ผู้ขับขี่ด้านหลังสามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดช่วยเพิ่มความปลอดภัยในค่ำคืนได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งเรายังได้เห็นความสวยงามของเรือนไมล์ Digital แบบ FULL-NEGATIVE LCD ได้อย่างชัดเจน ซึ่งความสว่างของเรือนไมล์สามารถปรับได้ 3 ระดับตามสภาพของแสงสว่างของการใช้งานอีกด้วย


    หลังจากที่เราได้สัมผัสกับ “ยามาฮ่า เอ็ม-สแลซ” น้องเล็กของตระกูล MT ซีรี่ย์อยู่ถึง 2 วันเต็มๆ กับสภาพเส้นทางการขับขี่ที่ครบถ้วนทุกสภาวะการขับขี่ ทั้งในเมืองที่มีสภาพการจราจรที่แออัดและนอกเมืองที่ลัดเลาะไปตามชายหาดรอบเกาะภูเก็ตที่เต็มไปด้วยเส้นทางคดโค้ง ขึ้นเขาลงเขา รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 200 กม. เรารู้สึกได้ว่าสตรีทไบค์สไตล์ Naked คันนี้สามารถตอบสนองการขับขี่ได้อย่างครบทุกอรรถรสทุกอารมณ์ที่ผู้ขับขี่ต้องการ ทำให้เราสนุกและเร้าใจไปกับการขับขี่เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นที่จับตามมองและได้รับความสนใจจากผู้คนที่ได้พบเห็นเมื่อขับขี่รถรุ่นนี้บนท้องถนนหรือในขณะจอดได้เป็นอย่างดีทีเดียว!!!...แล้วคุณพร้อมที่จะเร้าใจไปกับ “องศาใหม่ของความเร้าใจ” ที่พร้อมจะเผยตัวตนของคุณในสไตล์ “SLASH YOUR DARKNESS” ไปกับ “YAMAHA M-SLAZ” แล้วรึยัง!!!

Specification M-SLAZ

• เครื่องยนต์

แบบ : 4 จังหวะ สูบเดี่ยว SOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ : 149 ซีซี.
อัตราส่วนกำลังอัด : 10.4:1
กระบอกสูบ x ระยะชัก : 57.0 x 58.7 มม.
ระบบหล่อลื่น : แบบเปียก
ระบบจ่ายน้ำมัน : ระบบหัวฉีด
ระบบจุดระเบิด : ที.ซี.ไอ.
ระบบคลัทช์ : แบบเปียก ชนิดหลายแผ่น
ระบบเกียร์ : เกียร์ 6 ระดับ
ระบบสตาร์ท : สตาร์ทมือด้วยระบบไฟฟ้า
น้ำมันเชื้อเพลิง : น้ำมันแก๊สโซฮอล์ หรือเบนซินค่าออกเทน 91 ขึ้นไป
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง : 10.2  ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง : 0.95 ลิตร : 1.00 ลิตร (มีการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง)
ความจุหม้อน้ำ : 0.52 ลิตร (รวมในระบบ)
ความจุถังพักหม้อน้ำ : 0.25 ลิตร
หัวเทียน : เอ็น.จี.เค / ซี.อาร์.9 อี. (NGK / CR9E)

• โครงรถ

ชนิดของเฟรม : เดลต้าบ็อก
มุมคลาสเตอร์ / ระยะเทล : 26° /88 มม.
กว้าง x ยาว x สูง : 795 x 1,955 x 1,065 มม.
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ : 805 มม.
ระยะห่างจากพื้นถึงเครื่อง : 164 มม.
ช่วงศูนย์กลางระหว่างล้อ : 1,350 มม.
น้ำหนักรวมน้ำมันเครื่องและน้ำมันเชื้อเพลิง : 135 ก.ก.                      
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด : 2,400 มม.

• ระบบกันสะเทือน

หน้า : เทเลสโกปิค (โช๊คหัวกลับ)
หลัง : สวิงอาร์ม(แขนยึดโช๊คอัพหลัง)

• ระบบเบรก

หน้า-หลัง : ดิสก์เบรก

• ล้อ

หน้า : 17 M/C-MT 2.75
หลัง : 17 M/C-MT 3.50

• ยางแบบ Tubless

หน้า : 110/70-17M/C 54S
หลัง : 130/70-17M/C 62S

• ระบบไฟฟ้า

ไฟหน้า-ไฟท้าย : LED
แบตเตอรี่ : 12 V , 3.0 Ah / YTZ4V (MF)

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้