Last updated: 2 ต.ค. 2567 | 687 จำนวนผู้เข้าชม |
“ไทยยามาฮ่ามอเตอร์” ค่ายผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำ และผู้นำด้านมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย เผยพอใจกับผลการแข่งขันของ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #9 กับการลงบิดด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ดใน โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ที่ประเทศมาเลเซีย ชี้เป็นประสบการณ์สุดล้ำค่าที่นักบิดไทยได้เรียนรู้ เผยมีสานต่อการแข่งขันระดับโลกแน่นอน
การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รายการ โมโตจีพี เดินทางถึงสนามรองสุดท้ายของปี ซึ่งดวลความเร็วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561 ณ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ในรายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ โดยในสนามนี้มีนักบิดไทยอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #9 จาก วีอาร์46 มาสเตอร์ แคมป์ ทีม เข้าร่วมแข่งขันด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ดในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ด้วย
โดยการแข่งขันในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ออกสตาร์ทเรซในเวลา 9.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่ง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ที่ใช้รถแข่งหมายเลข 9 ต้องเจอสถานการณ์ยากลำบากตลอดทั้งสุดสัปดาห์ นับตั้งแต่การซ้อมครั้งแรกจนถึงครั้งที่ 3 ก่อนจะออกสตาร์ทในกริดที่ 26 โดยช่วงแรกของการแข่งขันที่เข้มข้นของ โมโตทรี สนามนี้ นักบิดไทยทะยานขึ้นมาเกาะกลุ่มหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทว่าจากเกมสุดโหดและการเซ็ทอัพที่ยังไม่ลงตัว ส่งผลให้ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #9 จบการแข่งขันด้วยอันดับ 22 ตามหลังแชมป์อย่าง ฮอร์เก มาร์ติน นักบิดสแปนิชจากทีม เดล คอนซ่า เกรซินี โมโตทรี อยู่ 34.468 วินาที ทว่านักบิดไทยก็สามารถทำเวลาต่อรอบได้ใกล้เคียงกับนักบิดในกลุ่มนำของโมโตทรีหลายคน
ภายหลังจบการแข่งขัน นายธีระพงษ์ โอภาสกรกุล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายกีฬายานยนต์ และสถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด บอสใหญ่ของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม กล่าวว่า “ถือเป็นประสบการณ์ที่เราได้ต่อยอดจากการส่งนักแข่งไทยเข้าร่วมแข่งขันจาก พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งสนามนี้เราก็เชื่อว่าจะเป็นงานยากของเรา และทีมก็มีปัญหาเรื่องการเซ็ทอัพมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การซ้อม ทำให้ยากต่อการแข่งขัน นักบิดของเราทำความเร็วเข้ากลุ่มไม่ได้ ต้องขี่คนเดียวทำให้ยากที่จะไล่ตามคนอื่น แสตมป์ จบเรซในอันดับ 22 ถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญมาก ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้ได้เรียนรู้ว่าทีมจะต้องพร้อมในการที่จะก้าวไปด้วยกัน โดยเฉพาะเรื่องการเซ็ทอัพ ซึ่งนักแข่งของเราและทีมต้องช่วยกันหาจุดที่ลงตัวให้มากที่สุด โดยจะต้องป้อนข้อมูลให้กันและกันให้ได้ นี่คือสิ่งที่จะต้องแก้ไขต่อไป…แน่นอนว่า แสตมป์ ยังเป็นนักแข่งที่มีความสามารถ และพรสวรรค์ของเขาอยู่ในระดับกลุ่มท็อปเท็นเสมอในการแข่งขัน โมโตทรี จูเนียร์ ผมคิดว่าเขายังคงพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางเราเองยังคงดูอยู่ว่าจะขยับให้เข้าร่วมการแข่งขันในระดับที่สูงขึ้นอาจจะเป็น โมโตทรี หรือ โมโตทู ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งสองทาง”
ด้าน “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #9 ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันว่า “เรซนี้เป็นเรซที่ยากมากสำหรับผมและทีม เราเสียการซ้อมช่วงหนึ่งไปเต็มๆ จากการล้มในรอบ FP2 ของวันแรก ทำให้เรายังหาเซ็ทอัพที่ลงตัวไม่ได้ การแข่งขันในเรซนี้เราได้ประสบการณ์ที่เยอะมากๆ ครับ โดยเฉพาะในเรซระดับเวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งนักบิดทุกๆ คนปรับตัวได้เร็วมาก และเราเองก็ต้องเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองให้เร็วขึ้น สนามนี้อาจยังไม่ใช่เรซของเรา แต่ผมจะยังไม่หยุดพัฒนา ฝากแฟนๆ ติดตามผลงานด้วยครับ”
สำหรับ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #9 ยังมีคิวลงแข่งขันในศึก เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2018 สนามสุดท้ายในวันที่ 24-25 พฤศจิกายนนี้ ที่ เซอร์กิต ริคาร์โด ตอร์โม เมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน