Last updated: 2 ต.ค. 2567 | 56413 จำนวนผู้เข้าชม |
YAMAHA AEROX 155 ถือได้ว่าเป็น “ที่สุด...แห่งสปอร์ต ออโตเมติก” สำหรับรถในพิกัดเดียวกัน ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีความแรงที่เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์บลูคอร์ 155 ซีซี. พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVA ซึ่งเป็นระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะแบบเดียวกับในยนตรกรรมชั้นนำ ที่สุดแห่งเทคโนโลยีความแรงและความประหยัด เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น ระบายความร้อนได้ดีกว่า และลดการสูญเสียกำลัง ช่วยให้สมรรถนะความแรง มาพร้อมความประหยัดน้ำมัน เผาไหม้หมดจด ช่วยลดมลพิษ ตอบสนองทุกอัตราเร่ง ประหยัดทุกความเร็ว ทำให้ทุกจังหวะการขับขี่เต็มไปด้วยความสนุกเร้าใจ
สำหรับในปี 2019 นี้ ยามาฮ่า ได้ปรับโฉมสีสันใหม่ให้กับ YAMAHA AEROX 155 ที่มีให้เลือกกันมากถึง 6 สีสันใหม่ ใน 3 รุ่น นั่นคือ รุ่น STANDARD สีดำ-แดง และสีเขียว-ดำ, รุ่น R VERSION สีเขียว-ดำ และสีเทา-ส้ม และรุ่น ABS VERSION สีเทา-แดง และสีเทา-น้ำเงิน โดยยังคงอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็น FULL LCD DIGITAL METER ขนาดใหญ่ 5.8 นิ้ว, ไฟหน้าคู่ แบบ LED, ไฟท้าย LED พร้อมที่จับกันตกแบบบิ้วท์อิน, ฝาเปิดถังน้ำมันที่ออกแบบให้อยู่กลางตัวรถทำให้เติมน้ำมันสะดวก ไม่ต้องลงจากรถ, ช่องต่อชาร์จแบตมือถือหรือไฟสำรอง พร้อมช่องเก็บของด้านหน้า ให้ความสะดวกสบาย นอกจากนี้ในรุ่น ABS Version ยังมาพร้อมกับกุญแจรีโมทอัจฉริยะ ควบคุมได้ทั้งคัน พร้อมระบบสัญญาณตอบรับ ANSWER BACK และในรุ่น R Version ระบบกันสะเทือนหลังเป็นโช้คอัพแบบซับแทงค์คู่ ดีไซน์สปอร์ต ดูดซับแรงกระแทกเป็นเยี่ยม และจานดิสก์เบรกหน้าแบบรถสปอร์ต สมเป็นผู้นำสปอร์ตออโตเมติกตัวจริง!!!
และเพื่อเป็นการตอกย้ำสมรรถนะความแรงความเร้าใจให้กับ YAMAHA AEROX 155…ทริปมันส์ๆ กับ “ที่สุด...แห่งสปอร์ต ออโตเมติก” จึงเกิดขึ้น!!! โดย YAMAHA AEROX 155 สีใหม่ จำนวน 4 คัน เริ่มต้นออกสตาร์ทจาก สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า (YRA) ในช่วงเช้าวันศุกร์ซึ่งการจราจรกำลังอยู่ในช่วงพีคสุดๆ แต่ด้วยความคล่องตัวแบบรถสปอร์ตและกำลังเครื่องยนต์ที่จัดจ้าน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถลัดเลาะซอกแซกฝ่าความหนาแน่นของการจราจรที่ติดขัดบนเส้นทาง ถนนบางนา-ตราด – สุขุมวิท – ปู่เจ้าสมิงพราย ไปได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะขึ้นแพข้ามฟากไปยังฝั่งพระประแดง ซึ่งหลังจากที่ขึ้นฝั่งได้ เราก็ยังต้องฝ่าการจราจรที่หนาแน่อีกพักใหญ่ๆ กว่าที่จะหลุดออกมาถึงจุดพักที่ปั๊มแถวๆ นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งบอกได้เลยว่าการขับขี่ในช่วงแรกนี้ ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความคล่องตัว ความคล่องแคล่ว และกำลังเครื่องยนต์ในรอบต้นของ YAMAHA AEROX 155 ได้เป็นอย่างดี เพราะเราสามารถที่จะโยกรถซอกแซกเลี้ยวลัดเลาะไปตามช่องว่างระหว่างรถยนต์ได้อย่างสบายๆ อีกทั้งกำลังเครื่องยนต์ที่จัดจ้านก็ยังช่วยให้เราสามารถเปิดคันเร่งออกตัวพุ่งทะยานไปได้อย่างทันใจ ทำให้จังหวะในการขับขี่เป็นไปอย่างไหลลื่นต่อเนื่องเป็นอย่างยิ่ง…
จากนั้นเราก็มุ่งสู่จุดหมายแรก “พิพิธภัณฑ์รถจักรยานยนต์โล้วเฮงหมง” ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องประวัติความเป็นมาของรถจักรยานยนต์ โดยได้รับเกีบรติจาก “เฮียเปี๊ยก” คุณวรวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โล้วเฮงหมงมอเตอร์ จำกัด ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าให้การต้อนรับพร้อมทั้งพาเดินชมรถจักรยานยนต์หลากหลายรุ่นภายในพิพิธภัณฑ์ที่มีนับร้อยๆ คัน ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังได้พบกับสมาชิกยามาฮ่าคลับที่ใช้ YAMAHA AEROX 155 ซึ่งจะร่วมเดินทางในทริปนี้ไปกับเราอีก 3 คนด้วย ซึ่งบรรยากาศในช่วงนี้เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจและเต็มไปด้วยมิตรภาพใหม่ของสาวกยามาฮ่าจริงๆ
หลังจากที่เดินชมพิพิธภัณฑ์กันครบทุกซอกทุกมุมแล้ว ขบวนทัวริ่ง YAMAHA AEROX 155 ที่ตอนนี้มีรวมทั้งหมด 7 คัน ก็ออกเดินทางต่อทันที โดยมุ่งหมายสู่ “เขื่อนศรีนครินทร์” เส้นทางในนี้ถนนค่อยข้างโล่งสะดวกพอสมควร ทำให้เราสามารถที่จะใช้ความเร็วในการเดินทางได้พอสมควร ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100 กม./ชม. ซึ่ง YAMAHA AEROX 155 สามารถเดินทางได้อย่างมีเสถียรภาพ นิ่ง ไม่ร่อน ไม่ส่าย ให้ผู้ขับขี่รู้สึกหวาดเสียวแม้แต่น้อย กำลังเครื่องยนต์ก็ให้การตอบสนองได้เป็นอย่างดี กำลังเครื่องไม่มีตกแม้ว่าจะต้องไต่ระดับความสูงขึ้นเขาไปอย่างต่อเนื่อง และยังมีเหลือให้เราสามารถกระชากคันเร่งเพื่อเร่งแซงได้อีกด้วย
เมื่อมาถึง “สันเขื่อน” พวกเราก็ต่างเก็บภาพทัศนียภาพในช่วงยามเย็นคู่กับ YAMAHA AEROX 155 เป็นที่ระลึกกันอย่างเพลิดเพลิน ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังที่พัก “ภูไพร เลค รีสอร์ท” ที่เราต้องขี่ข้ามเขาไปยัง ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ โดยช่วงนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการเดินทางในทริปนี้ของเราเลยก็ว่าได้ เพราะเส้นทางเป็นทางขึ้นเขาและเต็มไปด้วยทางคดโค้งที่มีทั้งโค้งกว้างและโค้งแคบที่จะทำให้เราได้พิสูจน์สมรรถนะของ YAMAHA AEROX 155 ได้เป็นอย่างดี ซึ่ง “ที่สุด...แห่งสปอร์ต ออโตเมติก” รุ่นนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังแม้แต่น้อย เนื่องจากพวกเราต่างก็กดคันเร่งเรียกกำลังแรงม้าจากเครื่องยนต์ออกมาใช้งานเพื่อไต่ความสูงชันได้อย่างทันใจในทุกจังหวะการเปิดคันเร่ง ระบบกันสะเทือนที่แน่นและหน้ายางที่มีขนาดใหญ่ช่วยให้การพลิกรถเข้าโค้งซ้ายขวาและการยึดเกาะพื้นถนนมีความหนึบและมั่นคงที่สร้างความมั่นใจและความสนุกความเร้าใจในการขับขี่ให้กับพวกเราได้ตลอดเส้นทาง...
ในช่วงค่ำคืนที่ “ภูไพร เลค รีสอร์ท” ในวงอาหารมื้อค่ำพวกเราชาวยามาฮ่าที่ร่วมขับขี่ YAMAHA AEROX 155 กันมาในทริปนี้ ต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างสนุกและเป็นกันเอง ซึ่งยิ่งคุยยิ่งเล่าก็ยิ่งทำให้รู้ว่าทุกคนต่างก็อยู่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตและทีมยามาฮ่ากันมาอย่างยาวนาน ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยมิตรภาพและความอบอุ่นมากยิ่งขึ้น
ในรุ่งเช้าวันใหม่ชาวยามาฮ่าต่างตื่นขึ้นมาสัมผัสกับธรรมชาติริมน้ำของเขื่อนศรีนครินทร์ด้วยความสดชื่น และหลังจากจัดการกับมื้อเช้าพร้อมกับเช็คเอ้าท์กันเรียบร้อย ขบวนทัวริ่ง YAMAHA AEROX 155 ก็พร้อมออกเดินทางกันอีกครั้ง โดยเราจะย้อนเส้นทางเดิมกลับไปเข้าตัวเมืองกาญจน์ ทำให้เราได้สัมผัสกับสมรรถนะของ “ที่สุด...แห่งสปอร์ต ออโตเมติก” กันแบบเต็มๆ อีกครั้ง ซึ่งพวกเราก็ยังคงได้รับความสนุกความเร้าใจจากการขับขี่ YAMAHA AEROX 155 ได้อย่างเต็มที่เหมือนเดิมตลอดทาง
ขบวนทัวริ่ง YAMAHA AEROX 155 ได้แวะเข้าเก็บภาพกับสะพานข้ามแม่น้ำแคว พร้อมกับรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านโฟลทติ้งที่สามารถมองเห็นสะพานรถไฟสายมรณะแห่งนี้ได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ร้านอาหารนี้สมาชิกยามาฮ่า YAMAHA AEROX 155 ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และเจ้าถิ่นต่างได้แลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อซึ่งกันและกันไว้ และยังได้นัดแนะกันไว้ว่าจะกลับมาร่วมเดินทางกันอีกครั้งในอนาคต เพราะยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่เจ้าถิ่นบอกว่าเป็นเส้นทางที่เหมาะกับการพา YAMAHA AEROX 155 ไปขับขี่เพื่อความสนุกเร้าใจอยู่อีก ซึ่งทุกคนต่างก็ลงความเห็นว่าต้องมาแจมกันอีกครั้งอย่างแน่นอน!!!
หลังจากที่กล่าวคำอำลาและแยกย้ายกับเจ้าถิ่นเรียบร้อย สมาชิก YAMAHA AEROX 155 จากกรุงเทพฯ ก็ล็อคเป้าในการเดินทางกลับ โดยเลือกใช้เส้นทาง เมืองกาจญน์ – พนมทวน – บางเลน – รามอินทราฯ – ลาดกระบัง มาจบที่จุดเริ่มต้นการเดินทาง ซึ่งรวมระยะทางเกือบ 200 กม. ซึ่งในช่วง เมืองกาจญน์ – พนมทวน – บางเลน นั้น เป็นเส้นทางที่โล่งกว้างทางตรงยาวๆ ความเร็วถูกล็อคแบบหมดปลอก เฉลี่ยอยู่ที่ 120 กม./ชม. เครื่องยนต์ถูกรีดเค้นสมรรถนะแบบเต็มเหนี่ยว ท่ามกลางอุณภูมิที่ร้อนระอุเกือบ 40 องศา แต่กำลังเครื่องยนต์ไม่มีตกไม่มีวูบเลยแม้แต่น้อยตลอดระยะเวลากว่า 3 ชม. จากนั้นก็ยังต้องเจอกับบททดสอบหนักอีกครั้งในช่วงการจราจรที่แสนจะติดขัดบนเส้นทาง รามอินทราฯ – ลาดกระบัง ที่คันเร่งจะถูกเปิดปิดกระชากคันเร่งอยู่ตลอดเวลา แต่เครื่องยนต์บลูคอร์ 155 ซีซี. ระบบวาล์วแปรผัน VVA ของ YAMAHA AEROX 155 ก็ยังตอบสนองการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ...
จนกระทั้งวงล้อ YAMAHA AEROX 155 จะมาหยุดหมุนที่ สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า (YRA) จบทริป 2 วัน 1 คืน กับระยะทาง 554 กม. ที่บอกได้เลยว่า “ที่สุด...แห่งสปอร์ต ออโตเมติก” ไม่ทำให้เราผิดหวังแม้แต่น้อย...เรียกได้ว่า YAMAHA AEROX 155 ยิ่งขี่ยิ่งมันส์...ขึ้นเขาก็มีกำลังไต่ความสูงชันได้สบาย ช่วงล่างหนึบใส่ได้เต็มทุกโค้ง จังหวะพลิกซ้ายขวาก็คล่องตัว...หรือจะกดคันเร่งแช่ยาวๆ ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนระอุกำลังเครื่องยนต์ก็ไม่มีตก...สุดจัดปลัดบอก!!!