Last updated: 3 ต.ค. 2567 | 262 จำนวนผู้เข้าชม |
เทคโนโลยี BLUE CORE คือ เทคโนโลยีใหม่ในเครื่องยนต์ยุคใหม่ของรถจักรยานยนต์ Yamaha ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ให้กับผู้ขับขี่ทั้งในเรื่องของ “ความประหยัดและสมรรถนะที่ดีขึ้น” โดย Yamaha ได้วางหลักการของเครื่องยนต์ BLUE CORE ไว้ 3 อย่างด้วยกัน คือ
1. เพิ่มประสิทธิภาพของการเผาไหม้ เพื่อสมรรถนะในการขับขี่แบบ “Fun & Eco”
โดยคุณสมบัติที่สำคัญอย่างหนึ่งของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ BLUE CORE นอกจากจะมีประสิทธิภาพในเรื่องของการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมแล้ว ยังมาพร้อมกับ “อัตราส่วนกำลังอัด” ที่เหมาะสม โดยยามาฮ่าได้ทำการออกแบบรูปทรงของห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์, ช่องไอดี และการจุดระเบิดที่สมบูรณ์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการเผาไหม้เชื้อเพลิงภายในกระบอกสูบหมดจด ซึ่งจะส่งผลให้ได้พละกำลังจากเครื่องยนต์อย่างเต็มประสิทธิภาพและสามารถส่งกำลังมายังระบบขับเคลื่อนได้อย่างเต็มสมรรถนะ โดยจะยังคงประสิทธิภาพในการการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยม
โดยเทคโนโลยีเครื่องยนต์ BLUE CORE ได้มีการเพิ่มอัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 11 : 1 เพื่อการเผาไหม้ที่มีคุณภาพสูง ในขณะที่รถจักรยานยนต์ออโตเมติกรุ่นอื่นๆ จะมีอัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ประมาณ 9.5:1 ซึ่งเมื่อกําลังอัดสูงขึ้น การระเบิดในห้องเผาไหม้ก็ยิ่งรุนแรงกว่าเดิม ทําให้ได้แรงบิดสูงในรอบต่ำ และมีการปรับชุดพู่เล่ย์และคลัทช์ใหม่เพื่อให้สามารถตอบสนองกําลังที่มากขึ้นโดยใช้รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำลง
2. ลดการสูญเสียกำลังของเครื่องยนต์ น้ำหนักเบา จึงใช้พลังงานได้อย่างเต็มสมรรถนะ
เนื่องจากเครื่องยนต์ขับเคลื่อนด้วยการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ยามาฮ่าจึงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานที่ได้จากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงได้อย่างเต็มที่ โดยลดการสูญเสียพลังงานที่อาจเกิดขึ้นภายในเครื่องยนต์ลงให้อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด ด้วยเหตุนี้ ยามาฮ่าจึงได้ออกแบบและพัฒนาโลหะที่ใช้ในทุกชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ให้มีน้ำหนักเบาที่สุด เพื่อลดการสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทานลงให้น้อยที่สุด ควบคุมการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมกับการจุดระเบิดอย่างแม่นยำ และหลักสำคัญของการลดการสูญเสียกำลังของเครื่องยนต์นั้น อยู่ที่การลดแรงเสียดทานโดยการออกแบบให้ตัวกระบอกสูบมีระยะเยื้องศูนย์กับแนวเส้นผ่าศูนย์กลางของเพลาข้อเหวี่ยง เพื่อช่วยในการลดแรงเสียดทานระหว่างลูกสูบกับผนังกระบอกสูบ ช่วยให้รองรับแรงอัดที่มากขึ้นในจังหวะระเบิด และลดการสูญเสียแรงลง โดยการออกแบบนี้ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เรียบ ใช้น้ำมันอย่างคุ้มค่าและเครื่องยนต์ทำงานเงียบมากยิ่งขึ้น
3. เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เพื่อการขับขี่ที่เต็มขุมพลัง
การที่เครื่องยนต์จะทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพในสภาวะการขับขี่ที่แตกต่างกันได้นั้น จะต้องอาศัยประสิทธิภาพในการระบายความร้อน เพื่อควบคุมอุณหภูมิของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมอยู่เสมอ หากเครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน ด้วยเหตุนี้ ยามาฮ่าจึงได้ออกแบบเครื่องยนต์ BLUE CORE ซึ่งไม่ว่าจะเป็นระบบระบายความร้อนด้วยอากาศหรือน้ำ ก็สามารถระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงที่เผาไหม้ได้อย่างเต็มสมรรถนะ โดยเครื่องยนต์ BLUE CORE ใช้กระบอกสูบแบบไดอะซิล ซึ่งช่วยระบายความร้อนได้ดีกว่าเสื้อสูบแบบธรรมดาถึง 3 เท่า และเมื่อมีกำลังอัดที่เยอะขึ้นเป็น 11:1 ที่จัดว่าสูงที่สุดในบรรดารถที่มีการระบายความร้อนด้วยอากาศ จึงปรับปรุงระบบระบายความร้อนโดยให้ครีบระบายความร้อนให้ถี่ขึ้นและหนาแน่นมากขึ้น พัดลมดูดอากาศดีขึ้น มีพลาสติกคุมการไหลของอากาศไปยังจุดที่ต้องการระบายความร้อน และมีหัวฉีดน้ำมันหล่อลื่นใต้ลูกสูบอีกด้วย
โดยทั้ง 3 อย่างนี้ จะช่วยทำให้รถจักรยานยนต์ของ Yamaha “เร็วแรง ประหยัด รักษ์โลก” ซึ่งขุมกำลังของเครื่องยนต์ BLUE CORE มีอยู่ในรถจักรยานยนต์ Yamaha หลายๆ รุ่น โดยเฉพาะรถออโตเมติค ไม่ว่าจะเป็น Yamaha FAZZIO, Yamaha Grand Filano, Yamaha AEROX และ Yamaha NMAX เป็นต้น
21 พ.ย. 2567